ดอกแกลดิโอลัส

2.แกลดิโอลัส  (Gladiolus tubergenii)


   แกลดิโอลัสเป็นพืชในวงศ์     Iridaceae มีถิ่นกำเนิดอยู่แถวแอฟริกาเขตร้อน เอเชียตะวันตก และประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน การคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ.1800 จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีพันธุ์ต่าง ๆ ที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วมากมายพันธุ์เหล่านั้นได้มาจากบริษัทผลิตพันธุ์ใหม่เป็นการค้า และมีไม่น้อยที่เป็นผลงานของนักผสมพันธุ์สมัครเล่น แกลดิโอลัสเป็นที่นิยมปลูกเพราะปลูกง่าย ใช้ปลูกประดับสวนได้ดีและเป็นไม้ตัดดอกที่สำคัญด้วย คือช่อขนาดเล็กใช้ปักแจกันตามบ้านเรือน ช่อใหญ่ใช้ประดับตามห้องโถงในโรงแรม ในโบสถ์ ตามสถานที่ใหญ่โตหรูหราและทำเป็นช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ได้สวยงาม
    ชื่อของแกลดิโอลัสมาจากคำว่า          Gladius ในภาษากรีกแปลว่า ดาบ เมื่อเอาหัวของแกลดิโอลัสลงปลูก ต้นจะงอกใบเรียวยาวคล้ายดาบแทงขึ้นเหนือดิน ใบมีเส้นใบขนานตามความยาวใบ ทำหน้าที่สร้างอาหารและเก็บสะสมไว้ที่โคนใบคือหัว เมื่อต้นมีใบได้ 3 ใบจะเริ่มมีจุดกำเนิดดอกและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อต้นมีใบ 7 ใบ ช่อดอกนั้นจะแทงขึ้นพ้นใบและยืดขึ้นให้ดอกบาน ในสภาพเมืองไทยใช้เวลาจากวันงอกจนถึงดอกบานตั้งแต่ 60-105 วันแล้วแต่พันธุ์ ฤดูกาลและสถานที่ปลูก ความสูงของต้นมีตั้งแต่ 18-48 นิ้ว
    แกลดิโอลัสมีดอกเป็นช่อ และมีทุกสีนอกจากสีฟ้า แต่ละสีมีสีย่อยลงไปอีก บางพันธุ์มีสีปลอด บางพันธุ์มีสองสีคือมีสีอื่นเรื่อตรงคอดอกหรือปลายกลีบดอก จำนวนดอกย่อยในช่อและการจัดเรียงของดอกย่อยแตกต่างกันไป ขนาดของดอกย่อยมีตั้งแต่ 1 นิ้วถึง 7 นิ้ว กลีบดอกอาจเรียบเป็นคลื่น เป็นแฉกลึก เป็นเส้นเรียวยาวรูปเข็มหรือม้วนไปข้างหลังแล้วแต่ชนิดและพันธุ์ จำนวนดอกย่อยมีตั้งแต่ 10-30 ดอก พันธุ์ใหม่ๆ อาจมีมากกว่า     20 ดอก บนก้านที่ยาวตรงและแข็งแรงและสามารถบานพร้อมกันได้ถึง 10 ดอก โดยบานไล่จากดอกล่างขึ้นไป ก้านดอกยาว     0.8-1.2 เมตร และเป็นส่วนที่ให้ดอกเสีย 45-50 ซม. ลักษณะช่อดอกและสีหาดูได้จากแคตตาล็อกของต่างประเทศทั้งอเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย
ดอกของแกลดิโอลัสจัดกลุ่มได้เป็น 5 กลุ่มที่สำค้ญดังนี้
1. พวกลูกผสมดอกใหญ่ (  Large flowered hybrids) ความสูง 3-4 ฟุต ดอกเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาด 4 1- 7 นิ้ว เช่น พันธุ์ที่นิยมปลูกกันเพื่อตัดดอกเป็นการค้าทั่วไป
2. ลูกผสมพริมูลินัส (  Primulinus hybrids) ความสูง 1 ½ – 3 ฟุต กลีบบนของดอกงุ้มมาข้างหน้า ช่อดอกยาวประมาณ 15 นิ้ว มีดอกขนาด 3 นิ้ว และให้ดอกค่อนข้างห่าง การปลูกไม่ต้องคํ้าต้น เช่น พันธุ์ Columbine และ Rutherford เป็นต้น
3. ลูกผสมบัตเตอร์ฟลาย (Butterfly hybrids) ความสูง 2-4 ฟุต มีดอกย่อยค่อนข้างชิด คอดอกมีสีสะดุดตา เช่น พันธุ์ Melodie
4. พวกลูกผสมดอกเล็ก (  Miniature hybrids) ลักษณะคล้ายลูกผสมพริมูลินัส ความสูง 1-2 ½  ฟุต ขนาดดอก 2 นิ้ว ปลายกลีบดอกมักย่นหรือเป็นคลื่น เช่น พันธุ์       Greenbird
5. พวกสปีชีส์อื่น (  The Species) เช่น Gladiolus byzantinus ความสูง 2 ฟุต ดอกเล็ก สีม่วง ขาวและแดง เป็นพวกที่ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าชนิดอื่นๆ สามารถปลูกกลางแจ้งได้ตลอดปีในต่างประเทศและ Gladiolus colvillii ความสูง 2 ฟุต ดอกเด็กสีขาว มีจำนวนดอกในช่อน้อย เป็นต้น

   การปลูกแกลดิโอลัสใช้หัว (corm) ซึ่งเป็นลำต้นใต้ดินมีลักษณะเหมือนของกลมที่ถูกทับให้แบนจากด้านบน หัวมีเปลือกบางและแห้งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการสูญเสียนํ้าด้านล่างของหัวมีปุ่มรากเรียงรายอยู่โดยรอบซึ่งต่อไปจะเจริญเป็นราก ด้านบนของหัวมีตา ปกติตายอดเท่านั้นจะเจริญเป็นต้น แต่ถ้าหัวมีขนาดสมบูรณ์เต็มที่ ตาข้างอีกหนึ่งหรือสองตาจะเจริญเป็นต้นด้วย แต่ละต้นจะสร้างหัวใหม่ขึ้นที่ฐานของต้นซ้อนบนหัวเดิมและมีหัวย่อย(cormel) เป็นจำนวนมากน้อยแล้วแต่พันธุ์ และความลึกของการเอาหัวลงปลูก ถ้าปลูกตื้นจะได้หัวย่อยจำนวนมาก หัวย่อยเหล่านี้เมื่อนำไปปลูกจะเจริญเป็นหัวใหญ่ได้ในเวลา 5-7 เดือน
   รากของแกลดิโอลัสมีสองแบบคือ รากที่เกิดจากหัวเดิมมีลักษณะเป็นรากฝอย มีขนาดเล็ก บางและสั้น ทำหน้าที่ดูดอาหารในระยะแรกเรียกว่า filiform roots’ เมื่อหัวใหม่เกิดซ้อนบนหัวเก่า รากที่เกิดจากหัวใหม่มีขนาดใหญ่กว่าและอวบน้ำ ทำหน้าที่ยึดลำต้นและหัวให้อยู่ในดิน ช่วยหาน้ำและแร่ธาตุเพื่อให้ต้นเติบโต เรียกว่า contractile roots ที่ปลายรากมีหัวย่อยติดอยู่
แต่ละหัวมีตาอยู่หลายตา ถ้าอยากได้ช่อใหญ่และมีคุณภาพดอกดี ให้ใช้มีดคมๆ คว้านตาข้างออกให้หมด หรือรอให้งอกเป็นหน่อเล็ก ๆ ก็หักทิ้งเหลือไว้แต่ตาใหญ่และแข็งแรงตรงกลางหัวไว้เพียงตาเดียว ถ้าปล่อยให้ตาข้างเจริญขึ้นเป็น 2-3 ต้นจะได้ช่อดอกหลายช่อด้วย แต่มีคุณภาพลดลงคือ ช่อดอกสั้นลงและมีจำนวนดอกในช่อน้อย
   หัวขนาดใหญ่มีอาหารสะสมมากและเติบโตได้ดีทำให้ช่อดอกใหญ่และสมบูรณ์ แต่หัวขนาดใหญ่ควรมีอายุอย่างมากแค่ 2 ปีเพราะหัวที่มีอายุมากจะเสื่อมตัว การสังเกตให้ดูจากหัวใหญ่ที่แก่แล้วมัก
มีหัวแบนและรอยแผลจากการเอาหัวเก่าออกมีขนาดใหญ่ บางครั้งจะมีแผลกลวงตรงกลางหัวคือ ตายอดถูกทำลายไป ถ้าเอาไปปลูกตาข้างจะเจริญขึ้นแทน ดังนั้นหัวใหญ่ที่สุดไม่จำเป็นต้องดีที่สุด ให้เลือกหัวสดเต่ง มีอายุไม่เกิน 2 ปี ลักษณะไม่แบนนักและแผลจากการเอาหัวเก่าออกมีขนาดเล็กจะดีกว่า
   หัวขนาดกลางจะให้ช่อดอกขนาดเล็กกว่าจากหัวขนาดใหญ่ จำนวนดอกอาจจะน้อยลงบ้าง เเละออกดอกช้ากว่า แต่หัวขนาดกลางมีราคาย่อมเยากว่า ถ้าไม่ได้ปลูกเพื่อประกวดการใช้หัว ขนาดกลางจะเสียต้นทุนน้อยกว่า ถ้าเลี้ยงดูอย่างดีก็จะได้ดอกที่มีคุณภาพดี
หัวขนาดเล็ก อาจใหั่ช่อดอกที่มีขนาดเล็กมากไม่ได้มาตรฐานแต่จะได้หัวใหญ่เกิดซ้อนบนหัวเก่าเก็บไว้ปลูกต่อไปจึงจะให้ดอกมีคุณภาพดี สำหรับหัวย่อยมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับหัวใหญ่ เหมาะ สำหรับปลูกเอาหัวใหญ่ แม้จะใช้เวลาแต่เสียต้นทุนต่ำ แต่หัวย่อยที่มีขนาดเล็กมากมักงอกน้อยและงอกไม่สม่ำเสมอ
   การเลือกซื้อหัวขนาดใดจึงขึ้นกับจุดประสงค์ เงินทุนและระยะเวลาการรอดูดอกคือ หัวใหญ่เหมาะสำหรับปลูกเพื่อส่งประกวด หัวขนาดกลางเหมาะสำหรับปลูกเพื่อตัดดอกจำหน่าย และหัวขนาดเล็กกับหัวย่อยเอาไว้ปลูกเพื่อทำพันธุ์เตี้ยใช้ต้นทุนต่ำ




วิธีการปลูกและเลี้ยงดู
ดิน แกลดิโอลัสชอบดินที่มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี ถ้าเป็นดินร่วนปนทรายยิ่งดี ควรขุดดินลึก 2 หน้าจอบ ตากแดดไว้แล้วใส่อินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้วหรือเศษใบไม้ผุคลุกกับดินแล้วย่อยดินให้ละเอียด



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น